: : : อุ ท ย า น แ ห่ ง ช า ติ ขุ น แ จ : : :
|
- -> ภาพจากนักเดินทางโดย กล้องดิจิตอล Cyber - shot U รุ่น DSC-U10 ของ Sony <- -
|
- - - - > แลกเปลี่ยนประสบการณ์ < - - - -
|
อุทยานแห่งชาติขุนแจ
เป็นชื่อเรียกตามชื่อของน้ำตกขุนแจ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่ประมาณ 1 ชั่วโมง
ตามทางหลวงสายเชียงใหม่ - เชียงราย อุทยานแห่งชาติขุนแจตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 ถือเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญครอบคลุมเนื้อที่ถึง 270
ตารางกิโลเมตร ภายในอุทยานฯ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ สัตว์ป่า น้ำตกและทิวทัศน์ที่งดงาม นอกจากนั้นยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขา นับเป็นเวลามากกว่า 100 ปี
|
ตรงนี้รอรูปจากคุณไงครับ
|
ส่งภาพถ่ายให้เรา
|
|
ประวัติความเป็นมา :-
เนื่องจากสถานการณ์เกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ของชาติในปัจจุบันที่ค่อนข้างวิกฤต
ดังที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในฤดูกาลต่างๆ เช่น ฤดูฝนน้ำท่วม ฤดูร้อนมีอากาศร้อนอบอ้าวมาก และฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัด เป็นต้น ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการใช้ทรัพยากรป่าไม้อย่างไม่ถูกหลักวิชาการ
มีการใช้ประโยชน์ที่ดิน ป่าไม้และการยึดครองที่ดิน ตลอดจนการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยมีได้คำนึงถึงผลเสียที่เกิดติดตามมาภายหลัง
รัฐบาลจึงได้ปิดป่าสัมปทานทั่วประเทศและมีนโยบายที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในรูปแบบป่าอนุรักษ์ไว้ส่วนหนึ่งและจัดเป็นป่าเศรษฐกิจอีกส่วนหนึ่ง
เพื่อจะได้แยกการจัดการทรัพยากรให้เป็นไปตามหลักวิชาการและบรรลุเป้าหมายโดยเร็ว ทางกรมป่าไม้ได้พิจารณาแล้ว
จึงเห็นควรที่จะสนองนโยบายของรัฐบาลที่จะอนุรักษ์ธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ไว้ในลักษณะของอุทยานแห่งชาติ จึงมีคำสั่งกรมป่าไม้ที่ 475/2532 ลงวันที่ 23 มีนาคม
พ.ศ. 2532 ให้นายสุเมธ สิงห์ขวา นักวิชาการป่าไม้ 4 ปฏิบัติงานประจำอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงไปดำเนินการสำรวจพื้นที่ป่าบริเวณน้ำตกขุนแจและพื้นที่ใกล้เคียงในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปูนน้อย
ป่าแม่ปูนหลวง และป่าห้วยโป่งเหม็น ในท้องที่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เพื่อจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติขุนแจ และปี พ.ศ. 2538 มีการประกาศในพระราชกฤษฏีกากำหนดที่ดินให้เป็นอุทยานแห่งชาติ
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา หน้า 28 เล่มที่ 112 ตอนที่ 33 ก. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2538 มีชื่อว่า
อุทยานแห่งชาติขุนแจ
|
Top |
: : : ส ถ า น ที่ น่ า ส น ใ จ : : :
|
สถานที่น่าสนใจ :-
น้ำตกแม่โถ
เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 7 ชั้น และมีความสูงที่สุดประมาณ 40 เมตร
ในฤดูฝนชั้นนี้จะสวยงามมาก การเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานฯ ถึงทางขึ้นน้ำตก ( บ้านแม่โถ ) ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ต่อจากนั้นเดินเท้าไปยังน้ำตก
ใช้เวลาชมน้ำตักทั้ง 7 ชั้น ประมาณ 2 ชั่วโมง
น้ำตกขุนแจ
เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและความโดดเด่น ประกอบด้วยน้ำตก 6 ชั้น บริเวณน้ำตกมีพื้นที่สำหรับตั้งแคมป์และกางเต็นท์
ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 1 ชั่วโมง เพื่อไปยังน้ำตก
ดอยมด
ความหนาแน่นของป่าดิบชื้นระหว่างทางเดินขึ้นสู่ยอดดอยมด ทำให้เกิดสังคมพืชหลากหลายชนิดปกคลุมแอ่งน้ำใสสะอาดเต็มไปด้วยพืชชั้นล่างมากมาย
รวมทั้งพืชชั้นต่ำ เช่น กล้วยไม้ดิน เฟิร์น มอส และพืชอื่นๆ ร่มรื่นและชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา บนยอดดอยที่ระดับความสูง 1,700 เมตร
รายรอบด้วยสภาพภูมิประเทศแปลกตาและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ทางทิศตะวันตก ตัวเมืองเชียงรายทางทิศตะวันออก
ยอดดอยลังกาทางทิศใต้และยอดดอยปางกอมทางทิศเหนือ นอกจากนี้บริเวณใกล้กับดอยมด ยังมียอดดอยหลวงและดอยผาช้าง ซึ่งเป็นสันปันน้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่
และเชียงรายอีกด้วย
ดอยลังกา
ความอลังการของยอดดอยลังกา มีความสูงมากกว่า 2,000 เมตร สูงเป็นลำดับที่ 5
ของประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามและสภาพความหลากหลายของธรรมชาติของอุทยานแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
ยอดดอยลังกาและดอยบริวารตั้งอยู่ทางใต้สุดของพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนและอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้
การเดินทางสู่ดอยลังกาต้องใช้เวลาเดินทางไป - กลับประมาณ 3 คืน 4 วัน
ต้นไทร
ใกล้ๆ กับที่ทำการอุทยานฯ มีต้นไทรที่มีความโดดเด่นเจริญเติบโตจากต้นไม้หลายๆ ต้น ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากมาย
กว้างใหญ่ให้ร่มเงา ครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร และมีพืชอิงอาศัย ( epiphyte ) อยู่มากมายหลายชนิด
สำนักสงฆ์
เป็นที่พักสงฆ์ ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ ระหว่างทางเดินเท้าสู่สำนักสงฆ์จะผ่านธรรมชาติและสะพานเล็กๆ อันงดงามร่มรื่น
สำนักสงฆ์นี้ตั้งอยู่บนทางหลวงสายเชียงใหม่ - เชียงราย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้รักความสงบได้เข้ามาสัมผัส
อ่างเก็บน้ำแม่ฉางข้าว
อยู่ใกล้กับหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 1 เป็นอ่างเก็บน้ำที่เหมาะสำหรับนักตกปลา
และนักท่องเที่ยวทั่วไปใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือรับประทานอาหารกลางวันบนแพกลาง อ่างเก็บน้ำที่ใส สะอาด ก็จะได้บรรยากาศที่ดีทีเดียว
เดินเท้าศึกษาธรรมชาติ
หากสนใจการเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ สามารถติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางได้ในฤดูที่เหมาะสม
สำหรับการเดินศึกษาธรรมชาติ จะเริ่มช่วงปลายฝนจนถึงช่วงต้นหนาวและฤดูหนาว
สำหรับช่วงฤดูอื่นนักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ แต่ควร ระมัดระวัง เรื่องสุขภาพและความปลอดภัย
|
|
เพิ่มเติมข้อมูลให้เรา
|
|
ภาพถ่าย :-
|
ส่งภาพถ่ายให้เรา
|
|
สภาพภูมิประเทศ :-
พื้นที่อุทยานแห่งชาติขุนแจ
ประกอบด้วยหิน 2 ชนิดคือ หินอัคนีและหินตะกอน พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นหินแกรนิต ซึ่งเป็นหินที่พบเห็นได้ทั่วไปตามภาคเหนือของไทย
หินแกรนิตเกิดจากการหลอมละลายของชั้นหินภายใต้ผิวโลกและถูกแรงบีบคั้นจนไหลออกมาตามรอยแยกบนพื้นโลก และเย็นลงอย่างช้าๆ และปรากฏขึ้นบนผิวโลกโดยขบวนการพังทลาย
หินแกรนิตจะดูคล้ายกับเกล็ดเกลือสะท้อนแสงและพริกไทยสีดำขนาดใหญ่ ส่วนที่เป็นสีขาวคล้ายเกลือนั้น คือ แร่ควอซ์ดและเฟลสปา ส่วนที่เป็นสีดำ คือ ไมก้า
หินอัคนีอีกชนิดหนึ่งที่พบในอุทยานฯ เรียกว่า บะซอลท์ ( basaltic ) ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว
เป็นหินสีเทาที่มีเนื้อละเอียด หินภูเขาไฟเหล่านี้สามารถพบทางแถบตะวันออกของอุทยานฯ ส่วนหินตะกอน หินทราย และหินเชล เกิดจากการทับถมของตะกอนในแม่น้ำเวลานานเข้าจึงเกิดเป็นชั้นหินทรายที่พบในอุทยานแห่งชาติขุนแจ
เป็นเม็ดทรายขนาดเล็กสีเทาทับถมเป็นชั้นๆ หินเชลมีสีเป็นสีเนื้ออ่อนและง่ายต่อการแตกหัก
ภูมิประเทศของอุทยานฯ
ส่วนใหญ่เป็นหุบเหว ซึ่งเกิดจากการกระทำของกระแสน้ำกัดเซาะ จนทำให้เกิดน้ำตกมากมาย ปริมาณน้ำฝนที่มากจึงมีอัตราการพังทลายของดินที่สูง ทำให้เกิดภูมิประเทศที่เป็นหุบเหวลึกนี้
|
|
สภาพภูมิอากาศ :-
สภาพภูมิอากาศแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล
ฤดูฝน :-
เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - เดือนกุมภาพันธ์ มีฝนตกเฉลี่ย 60 มิลลิเมตร / เดือน มีอุณหภูมิประมาณ 19-29 องศาเซลเซียส
ฤดูแล้ง :-
เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน - เดือนกรกฎาคม มีอุณหภูมิประมาณ 2-29 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน :-
เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม - เดือนมิถุนายน เป็นช่วงที่มีการเกิดไฟไหม้ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 22-33 องศาเซลเซียส
|
|
พรรณไม้ :-
อุทยานแห่งชาติขุนแจมีพันธุ์ไม้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามระดับความสูงของพื้นที่ ดังนี้
ป่าไผ่และป่าเบญจพรรณ พบที่ความสูง 300-800 เมตร
ป่าดงดิบและป่าเต็งรัง พบที่ความสูง 800-1,000 เมตร
ป่าดิบและป่าสน พบที่ความสูง 1,000-1,500 เมตร
ป่าดิบเขา พบที่ความสูง 1,500 เมตร ขึ้นไป
ไม้พื้นล่าง พบตามบริเวณหุบห้วย
ไม้ที่ขึ้นอยู่ ได้แก่ กล้วยป่า เฟิร์น มอสและหญ้าที่ขึ้นตามชายน้ำ
นอกจากนี้ บริเวณหุบห้วยยังปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาแน่นเขียวชอุ่มซึ่งเป็นไม้จำพวกยาง
|
|
สัตว์ป่า :-
สัตว์ป่าที่พบเห็นได้ในอุทยานแห่งชาติขุนแจ สามารถพบเห็นได้แตกต่างกันตามสภาพถิ่นที่อยู่อาศัยและช่วงเวลาระหว่างวันในหุบเขาริมธารและป่าชุ่มชื่นเป็นบริเวณที่มีพืชพันธุ์เขียวชอุ่ม
ซึ่งพบเห็นสัตว์ป่าหลายชนิด ได้แก่ ชะมด หมูป่า เก้ง เม่น กระรอกหลายชนิด ทั้งที่อาศัยอยู่บนต้นไม้และพื้นดิน ค้างคาว กระต่ายป่า สัตว์ที่คาดว่าจะพบได้ในอุทยานฯ เช่น
หมี ลิงลม ชะนีธรรมดา แมวป่า เลียงผา นกต่างๆ เช่น นกแซงแซวสีเทา เหยี่ยวรุ้ง เหยี่ยวนกเขาเขาซิครา นกจับแมลงหัวเทา
นกตีทอง นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า ไก่ป่า สัตว์เลื้อยคลาน เช่น งูเขียวหางไหม้ งูจงอาง กิ้งก่าบิน ตุ๊กแก จิ้งเหลน เป็นต้น
|
|
สถานที่พักแรม :-
อุทยานแห่งชาติขุนแจ มีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวน 2 หลัง พักได้ 15 คนและ 20 คนตามลำดับ อัตราค่าที่พักไม่ได้กำหนดไว้
ให้นักท่องเที่ยวที่เข้าพักบริจาคเป็นค่าทำความสะอาดและค่าประกอบอาหารให้กับพนักงานของอุทยานฯ
สำหรับหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ทั้ง 3 แห่ง ไม่มีที่พักให้บริการ
|
|
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :-
งานบ้านพัก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
61 ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร. 0-2579-5734, 0-2579-7223 ต่อ 724 หรือ 725
หรือติดต่อที่อุทยานแห่งชาติขุนแจ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย 57260 โทรศัพท์ 0-5360-9262
หรือที่เว็บไวต์ http://www.dnp.go.th
|
|
ข้อควรปฏิบัติในการเที่ยวอุทยานฯ :-
- ไม่ทำการยึดถือ ครอบครอง แผ้วถางป่า นำออกไปซึ่งแร่, ดิน, หิน, พรรณไม้ และสัตว์ป่า ตลอดจนของป่าทุกชนิด
- ไม่ล่าสัตว์และไม่นำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ
- ไม่ทำเสียงดังจนเป็นที่รบกวนแก่นักท่องเที่ยวและสัตว์
- ต้องช่วยระมัดระวังมิให้เกิดไฟไหม้ป่า หากมีความจำเป็นต้องก่อไฟ เมื่อเสร็จแล้วกรุณาช่วยดับให้เรียบร้อย
- หากมีข้อสงสัยโปรดติดต่อเจ้าหน้าที่
|
|
การเดินทาง :-
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนแจ ตั้งอยู่ติดกับทางหลวงแผ่นดินสายเชียงใหม่ - เชียงราย ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 56 กิโลเมตร
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติขุนแจ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทางคือ
1. จากจังหวัดเชียงใหม่
สามารถเดินทางได้โดยรถปรับอากาศและรถธรรมดาสายเชียงใหม่ - ดอยสะเก็ด - เชียงราย จากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่แห่งที่ 2 ( อาเขต )
หรือนั่งรถสองแถวเล็กสีเหลืองสายเชียงใหม่ - เวียงป่าเป้า - ท่ารถถนนไทยวงศ์
2. จากจังหวัดเชียงราย
สามารถเดินทางโดยรถประจำทาง และรถสองแถวเล็ก ซึ่งระยะทางห่างจากจังหวัดเชียงรายระยะทาง 129 กิโลเมตร
หมายเหตุ
หากต้องการเช่ารถก็มีร้านเช่ารถที่ให้บริการทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
|
|
|
แผนที่ที่ตั้งอุทยานแห่งชาติขุนแจ :-
|
|
|